การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนถือเป็นมาตรการที่ละเอียดอ่อน

วินา เดล มาร์ ชิลี, 17 พฤษภาคม 2019

ที่มาของภาพ : https://www.apec.org/Press/News-Releases/2018/0523_arta

          ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าที่ส่งผลกระทบต่อการค้าการลงทุนและผลผลิตของโลก ทำให้การเติบโตทางการค้าในเอเปกคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.8% ในปี 2019 ลดลงจาก 4.1% ในปี 2561 ตามรายงานฉบับล่าสุดของเอเปก

          ในปี 2020 การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือ GDP ของเอเปกคาดว่าจะชะลอตัวลงอีกในช่วง 3.5% ถึง 3.7% ต่อปี อย่างไรก็ตามความเสี่ยงดังกล่าวอาจลดลง หากสถานการณ์การค้ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น ดร. เดนิส ฮิว ผู้อำนวยการหน่วยสำนักนโยบายเอเปก กล่าวว่า “การเติบโตทางเศรษฐกิจส่วนหนึ่งอาจมาจากการแก้ไขปัญหาและลดความตึงเครียดทางการค้าลง” โดยเศรษฐกิจโลกมีความผันผวนเป็นอย่างมากในปี 2018 อันเป็นผลมาจากมาตรการตอบโต้ทางการค้า ระหว่างชาติมหาอำนาจ ทำให้เกิดผลกระทบการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและจีดีพี และพบข้อจำกัดทางการค้าที่เป็นอุปสรรคถึง 60% ของมูลค่าการค้าทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม ในทางตรงกันข้าม การค้าระหว่างประเทศในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา กลับมีการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคจาก 23.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 1990 เป็น 63.6 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2017

          “การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าและความไม่แน่นอนของนโยบายคือต้องดำเนินไปอย่างมีความสมดุลอย่างละเอียดอ่อน” ดร.ฮิว อธิบาย

          ปัจจุบันเอเปกเผชิญหน้ากับปัญหาหลายอย่าง ทั้งความไม่เท่าเทียมของรายได้ ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งสมาชิกเอเปกต้องเร่งแก้ไขปัญหา ซึ่งการประชุมเอเปก2019 ณ ประเทศชิลี เป็นโอกาสอันดีที่สมาชิกจะได้หารือประเด็นสำคัญต่าง ๆ รวมถึงสรุปประเด็นเป้าหมายการพัฒนาต่อไป

ที่มา : APEC Secretariat สำนักงานเลขาธิการเอเปก

บทความภาษาไทยโดย สถาบันอาณาบริเวณศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์